สระบุรีเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งแต่โบราณสันนิษฐานว่าตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี พุทธศักราช ๒๐๙๒ ในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิการตั้งเมืองนี้สันนิษฐานว่า พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้แบ่งเขตพื้นที่บางส่วนของเมืองลพบุรีกับเมืองนครนายกมารวมกันตั้งขึ้นเป็นเมืองสระบุรี ทั้งนี้เพื่อต้องการให้เป็นศูนย์ระดมพลเมืองในยามศึกสงครามเพราะฉะนั้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา จึงมักพบเรื่องราวของจังหวัดสระบุรีเกี่ยวกับการศึกสงครามอยู่เสมอสำหรับที่มาของชื่อจังหวัด “สระบุรี” สันนิษฐานว่า เพราะเหตุที่ทำเลที่ตั้งครั้งแรกมีบึงอยู่ใกล้ คือ “บึงหนองโง้ง” เมื่อตั้งเมืองขึ้นจึงได้นำเอาคำว่า “สระ” มารวมเข้ากันกับคำว่า “บุรี” เป็นชื่อเมือง “สระบุรี” และประเพณีสมัยโบราณนิยมคือเมื่อมีการตั้งเมืองใหม่ขึ้น จะต้องมีการตั้งศาลหลักเมืองขึ้นอยู่คู่กันเสมอเพื่อเป็นที่สิงสถิตของเทพารักษ์ประจำเมือง
ศาลหลักเมืองสระบุรีปัจจุบันนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ ที่ว่าการอำเภอเมืองสระบุรี (ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า) ในด้านที่ติดกับถนนพิชัยรณรงค์สงคราม บริเวณโดยรอบกว้างขวางสะอาดสะอ้านมีที่จอดรถมากพอสมควร ตัวศาลมีลักษณะเป็นศาลาจตุรมุข มีซุ้มประตูรอบทั้งสี่ด้านแต่มีประตู ทางเข้า-ออก สามด้าน อีกด้านหนึ่งที่เหลือโบกปูนปิดทึบด้านในประดิษฐาน รูปเคารพเทพารักษ์ประจำเมืองภายในศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสระบุรี อันได้แก่
พระเสื้อเมือง เป็นเทพารักษ์คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ คุมกำลังคนทั่วไปพล แสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากอริราชศัตรูมารุกราน
พระทรงเมือง เป็นเทพรักษาการปกครอง และกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชน ให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี
พระกาฬไชยศรี เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่นำวิญญาณของมนุษย์ผู้ทำบาปไปสู่ยมโลก
หลังคาศาลหลักเมืองตรงกลางทำเป็นยอดปรางค์สูงขึ้นไปที่ปลายยอดมีนภศูล ทำด้วยโลหะหล่อเป็นรูป 6 แฉก คล้ายปลายดาบ ระหว่างกลางแทรกด้วยแกนคล้ายปลายหอก
ภายในศาลหลักเมืองใจกลางศาลามีเสาหลักเมือง 2 เสา เสาเดิมเป็นเสาไม้ตะเคียนที่ผุผังไปตามกาลเวลามีกระจกครอบอยู่รอบด้านเพื่อการอนุรักษ์ไว้ให้อยู่คู่กับชาวสระบุรีต่อไป
ส่วนเสาใหม่ตั้งอยู่คู่กันเป็นเสาไม้มงคลชัยพฤกษ์ลักษณะปลายยอดเสาหลักเมืองแกะสลักเป็นรูปดอกบัวตูมสำหรับการสักการะเสาเจ้าพ่อหลักเมืองสามารถบูชาดอกไม้ธูปเทียน ผลไม้ และผ้าสามสี จากซุ้มบริการด้านข้างศาลหลักเมืองฯ เมื่อกราบไหว้อธิษฐานขอพรเรียบร้อยแล้วสามารถนำผ้าสามสีมาผูกที่เสาหลักเมือง(องค์ใหม่)ได้เพื่อเป็นสิริมงคล ถ้าหากใครมีของที่จะนำมาถวายเพื่อ บูชาหรือเพื่อแก้บน สามารถจัดวางที่โต๊ะด้านนอกศาลฯ ได้เลยครับ
แหล่งที่มา www.museumthailand.com